สังคมไทยต้องก้าวต่อไป หลัง 26 ก.พ. 2553
2 posters
หน้า 1 จาก 1
สังคมไทยต้องก้าวต่อไป หลัง 26 ก.พ. 2553
บทบรรณาธิการ
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4187 ประชาชาติธุรกิจ
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02edi02250253§ionid=0212&day=2010-02-25
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4187 ประชาชาติธุรกิจ
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02edi02250253§ionid=0212&day=2010-02-25
แม้ผลสำรวจความคิดเห็นคนไทยจากสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จะยังให้น้ำหนักความสำคัญเกี่ยวกับความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นในวันที่ 26 ก.พ. 2553 ซึ่งเป็นวันตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยพบว่ากรุงเทพฯและปริมณฑลที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.2 ยังคงติดตามข่าวการพิจารณาคดียึดทรัพย์ โดยมีประชาชนร้อยละ 11.7 กังวลมากจนถึงขั้นจะกักตุนอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.3 ไม่รู้สึกกังวลและจะใช้ชีวิตไปตามปกติ
ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนภาพความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ได้อย่างชัดเจนไปในทิศทางเดียวกันกับข่าวพาดหัวของ "ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับวันที่ 22-24 ก.พ. 2553 ที่ระบุว่า "ธุรกิจมองข้ามชอตเร่งปั๊มยอด โหมลงทุนใหม่-อสังหาฯรุก 6 อีเวนต์ยักษ์" หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ มองข้ามสถานการณ์และปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหรือส่งผลต่อเนื่องนับจากวันที่ 26 ก.พ. 2553 ไปแล้ว
เพราะท่ามกลางความประหวั่น กังวล คาดการณ์ไปต่าง ๆ นานานั้น หากพิจารณาถึงการเตรียมความพร้อมทุกด้านของฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลก็ดี การกำหนดมาตรการรองรับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือการออกมาให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเตรียมพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยสถาบันการเงิน ดูแลความปลอดภัยของลูกค้า และปัญหาสภาพคล่องในแต่ละธนาคารแล้ว ก็น่าที่จะมั่นใจได้ว่า ถึงอย่างไร หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันดังกล่าว ประเทศไทย สังคมไทยก็ยังพร้อมที่จะเดินหน้า ก้าวต่อไปในทิศทางที่ควรจะเป็น
ไม่มีหลักประกันแต่อย่างใดที่จะบ่งชี้ว่า ผลของการอ่านคำพิพากษาในวันดังกล่าวจะยุติปัญหาได้ ไม่ว่าผลของคำตัดสินจะออกมาในรูปแบบใดก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองดังกล่าวกลายเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทางเดียวที่จะตั้งรับได้นั่นคือ เตรียมทางเลือกเพื่อป้องกันความเสี่ยงหลายๆ ทาง
ไม่น่าแปลกใจที่ผลสำรวจหรือโพลของเอแบคโพลล์เองก็ระบุว่า คนส่วนใหญ่ทำใจพร้อมรับสภาพอยู่แล้ว โดยร้อยละ 49.2 คิดว่าจะวุ่นวายเหมือนเดิมหลังการพิพากษาคดียึดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และร้อยละ 44.2 คิดว่าจะวุ่นวายมากขึ้น มีเพียงร้อยละ 6.6 ที่คิดว่าจะลดความวุ่นวายลง ซึ่งก็หมายความว่าแม้จะยังคงมีสถานการณ์ที่วุ่นวาย ต่อไป แต่ชีวิต ธุรกิจ และการขับเคลื่อนประเทศก็ยังจะต้องดำเนินต่อไป การเอาชีวิต ธุรกิจ ไปผูกติดไว้กับเหตุการณ์พร้อมกับรอคอยเวลาไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
หากย้อนกลับไปมองตลอดเส้นทางแห่งการพัฒนาการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยผ่านจุดทดสอบครั้งสำคัญมาแล้วนับไม่ถ้วน ผ่านสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ มีการเผชิญหน้า มีความรุนแรงในหลาย ๆ ระดับ แต่ด้วยความเข้มแข็งของคนไทย ตลอดจนทุกภาคส่วนที่ยังยึดมั่นอยู่กับผลประโยชน์หลักของชาติ ทำให้สังคมไทยก้าวผ่านพร้อมกับเรียนรู้ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านเหล่านั้นมาได้โดยตลอด ดังนั้น วันที่ 26 ก.พ. 2553 ก็จะเป็นเพียงอีก 1 วันที่ผ่านเข้ามาทดสอบ และเชื่อว่าคนไทย สังคมไทยจะมีสติ ใช้ปัญญา ก้าวข้ามปัญหาได้อย่างมั่นเหมือนเช่นที่ผ่านมาแน่นอน
ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนภาพความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ได้อย่างชัดเจนไปในทิศทางเดียวกันกับข่าวพาดหัวของ "ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับวันที่ 22-24 ก.พ. 2553 ที่ระบุว่า "ธุรกิจมองข้ามชอตเร่งปั๊มยอด โหมลงทุนใหม่-อสังหาฯรุก 6 อีเวนต์ยักษ์" หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ มองข้ามสถานการณ์และปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหรือส่งผลต่อเนื่องนับจากวันที่ 26 ก.พ. 2553 ไปแล้ว
เพราะท่ามกลางความประหวั่น กังวล คาดการณ์ไปต่าง ๆ นานานั้น หากพิจารณาถึงการเตรียมความพร้อมทุกด้านของฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลก็ดี การกำหนดมาตรการรองรับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือการออกมาให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเตรียมพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยสถาบันการเงิน ดูแลความปลอดภัยของลูกค้า และปัญหาสภาพคล่องในแต่ละธนาคารแล้ว ก็น่าที่จะมั่นใจได้ว่า ถึงอย่างไร หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันดังกล่าว ประเทศไทย สังคมไทยก็ยังพร้อมที่จะเดินหน้า ก้าวต่อไปในทิศทางที่ควรจะเป็น
ไม่มีหลักประกันแต่อย่างใดที่จะบ่งชี้ว่า ผลของการอ่านคำพิพากษาในวันดังกล่าวจะยุติปัญหาได้ ไม่ว่าผลของคำตัดสินจะออกมาในรูปแบบใดก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองดังกล่าวกลายเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทางเดียวที่จะตั้งรับได้นั่นคือ เตรียมทางเลือกเพื่อป้องกันความเสี่ยงหลายๆ ทาง
ไม่น่าแปลกใจที่ผลสำรวจหรือโพลของเอแบคโพลล์เองก็ระบุว่า คนส่วนใหญ่ทำใจพร้อมรับสภาพอยู่แล้ว โดยร้อยละ 49.2 คิดว่าจะวุ่นวายเหมือนเดิมหลังการพิพากษาคดียึดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และร้อยละ 44.2 คิดว่าจะวุ่นวายมากขึ้น มีเพียงร้อยละ 6.6 ที่คิดว่าจะลดความวุ่นวายลง ซึ่งก็หมายความว่าแม้จะยังคงมีสถานการณ์ที่วุ่นวาย ต่อไป แต่ชีวิต ธุรกิจ และการขับเคลื่อนประเทศก็ยังจะต้องดำเนินต่อไป การเอาชีวิต ธุรกิจ ไปผูกติดไว้กับเหตุการณ์พร้อมกับรอคอยเวลาไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
หากย้อนกลับไปมองตลอดเส้นทางแห่งการพัฒนาการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยผ่านจุดทดสอบครั้งสำคัญมาแล้วนับไม่ถ้วน ผ่านสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ มีการเผชิญหน้า มีความรุนแรงในหลาย ๆ ระดับ แต่ด้วยความเข้มแข็งของคนไทย ตลอดจนทุกภาคส่วนที่ยังยึดมั่นอยู่กับผลประโยชน์หลักของชาติ ทำให้สังคมไทยก้าวผ่านพร้อมกับเรียนรู้ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านเหล่านั้นมาได้โดยตลอด ดังนั้น วันที่ 26 ก.พ. 2553 ก็จะเป็นเพียงอีก 1 วันที่ผ่านเข้ามาทดสอบ และเชื่อว่าคนไทย สังคมไทยจะมีสติ ใช้ปัญญา ก้าวข้ามปัญหาได้อย่างมั่นเหมือนเช่นที่ผ่านมาแน่นอน
MyRed1- จำนวนข้อความ : 10
Join date : 25/02/2010
ขอบคุณค๊าบ
อีกหนึ่งความรู้ สู่ ผู้ ขาดแคลน
MANJEK- จำนวนข้อความ : 7
Join date : 25/02/2010
ที่อยู่ : กรุงเทพมหานคร
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|